ดรอป (Withdraw) ต่อชีวิตหรือฆ่าตัวเอง
ดรอป ต่อชีวิต หรือตัวเอง
ดรอป (Drop อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ) คือการถอนรายวิชาเรียนที่เราได้ลงเรียนไปก่อนหน้าแล้ว สรุปง่ายๆคือ เรียนๆไปแล้วไม่ชอบ คะแนนไม่ดี เบื่อคนสอน งานเยอะ แล้วไม่อยากเรียนต่อแล้วก็ดรอปวิชานี้ทิ้งไป แล้วลงใหม่ (ถ้าเป็นวิชาบังคับที่ต้องเรียน)
ดรอป (W) ย่อมาจาก Withdraw มี 2 แบบ คือ ดรอปติด W กับไม่ติด W โดยทางสำนักทะเบียนจะมีประกาศอีกที ส่วนใหญ่ถ้าไม่ติด W มักจะเป็นช่วงก่อนสอบกลางภาค แต่มีบางวิชาที่พ่วงมาด้วยวิชาปฏิบัติการ ตามเงื่อนไขรายวิชาคือวิชาบรรยาต้องลง "พร้อมกัน" หรือ "ลงก่อน" วิชาปฏิบัติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว การเรียนวิชาปฏิบัติทางคณะที่เราไปลงเรียนวิชาของเขามักจะจัดเป็นภาคๆไป ดังนั้นเราจะได้เรียนกับเพื่อนภาค ซึ่งการที่เรียนกับเพื่อนภาคเป็นการดี เพราะเวลาเรียนเรียนแลปมักจะทำเป็นคู่ หรือเป็น กลุ่ม การที่เราทำแลปกับคนที่เรารู้จักมันเหมือนสบายใจนิดหน่อย ถ้าเราดรอปวิชาบรรยายแบบไม่ติด W เท่ากับเราไม่ได้ลงวิชานั้นเลย แลปจะหลุดตามไปด้วย ดังนั้นถ้าจะดรอปบรรยายแต่จะเรียนแลปต่อ ต้องดรอปติด W นะคะ
จะดรอปตอนไหนดีละ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สามารถแยกย่อยๆคร่าวๆได้ดังนี้
1. ดรอปเพื่อเปลี่ยนอาจารย์ หรือเปลี่ยนวิชาเรียน
บางครั้งถ้าเราได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอาจารย์แล้วเกรดลอยมา ก็อย่าไปท้าทายเขาเลย ดรอปหนีแล้วเปลี่ยนอาจารย์เถอะ หรือเวลาเรียนไม่ดี ก็เปลี่ยนเวลาเรียนได้ (ทำให้ช่วงที่ปลดล็อคเซคเรียน) ถ้าเซคนั้นว่าง แต่ต้องรีบทำภายในสัปดาห์แรกจะดีที่สุด เพราะบางรายวิชามีคะแนนเก็บ ถ้าทิ้งไว้นานการทำคะแนนจะยุ่ง อันนี้จะเป็นการดรอปที่ไม่ติด W
2. ดรอปเพราะรู้ว่าเรียนไม่ได้
บางวิชาต้องมีพื้นฐานมาก่อน เช่น การจะเรียน Physics ได้ต้องมีความรู้ทางคณิตศาสตร์มาก่อน ถ้าไม่มีหรือมีไม่เพียงพอก็ยากที่จะเรียนต่อไป
3. ดรอปเมื่อคะแนนกลางภาคออกแล้ว
การดรอปแบบนี้มี 2 แบบ คือ หนี F กับเก็บ A การพิจารณาว่าจะดรอปดีไหมคือ คะแนนกลางภาคของเรากับ Mean รวมของรายวิชานั้นๆ การตัดเกรดของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะอิงกลุ่ม ถ้าได้ประมาณ Mean คร่าวๆคือ C แต่ในที่นี้ต้องคิดเพื่อ Mean หลังดรอป ว่ามันจะขึ้นอีกเท่าไรด้วย ถ้าสู้ต่อจะได้เกรดประมาณไหน ต้องไฟต์มากเท่าไร ไหวไหม เสี่ยง F รึเปล่า ถ้าคะแนนห่างจากมีนมากแล้วเสี่ยง F การดรอปถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะ F ไม่คุ้มต่อใบ Transcript และเกรดรวมของเรา ถ้าเราติด F แล้วลงใหม่ เกรดที่เราได้ใหม่จะนำมาหารกับ F ง่ายๆคือ ถ้าลงใหม่ต่อให้ได้ A มา เกรดรวมมากสุดรวมแล้วก็คือ C ซึ่งการลงใหม่แล้วได้ A ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
ต่อชีวิต หรือ ฆ่าตัวเอง
เรื่องนี้มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนมากกว่า ถ้าเราเกรดไม่ดีอยู่แล้ว แล้วถ้าสถานะการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดคือ F มา จะเปอร์ไหม จะไทร์รึเปล่า การดรอปมันก็เหมือนพักไว้ก่อนเพื่อไปสู้ตัวอื่น หรือคะแนนไม่ดีถ้าจะสู้ต่อแล้ววิชาอื่นจะเป็นไง ไหวไหม สรุปคือการประเมินความสามารถของตัวเอง แต่ก็มีบางคนที่ดรอปตามเพื่อน ดรอปตามกระแส แล้วมาลงพร้อมเพื่อน อันนั้นถือว่าไม่ดี ถ้าลงใหม่เหมือนชดใช้กรรม คือเรียนหนักขึ้นในเทอมต่อๆไป หรือจะไปหนักในช่วง Summer แทน
สุดท้ายนี้การดรอปก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละคน เกรดก็คือเกรดของเราเอง อย่าให้คนอื่นมาตัดสินเกรดของเรา
ดรอป (Drop อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ) คือการถอนรายวิชาเรียนที่เราได้ลงเรียนไปก่อนหน้าแล้ว สรุปง่ายๆคือ เรียนๆไปแล้วไม่ชอบ คะแนนไม่ดี เบื่อคนสอน งานเยอะ แล้วไม่อยากเรียนต่อแล้วก็ดรอปวิชานี้ทิ้งไป แล้วลงใหม่ (ถ้าเป็นวิชาบังคับที่ต้องเรียน)
ดรอป (W) ย่อมาจาก Withdraw มี 2 แบบ คือ ดรอปติด W กับไม่ติด W โดยทางสำนักทะเบียนจะมีประกาศอีกที ส่วนใหญ่ถ้าไม่ติด W มักจะเป็นช่วงก่อนสอบกลางภาค แต่มีบางวิชาที่พ่วงมาด้วยวิชาปฏิบัติการ ตามเงื่อนไขรายวิชาคือวิชาบรรยาต้องลง "พร้อมกัน" หรือ "ลงก่อน" วิชาปฏิบัติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว การเรียนวิชาปฏิบัติทางคณะที่เราไปลงเรียนวิชาของเขามักจะจัดเป็นภาคๆไป ดังนั้นเราจะได้เรียนกับเพื่อนภาค ซึ่งการที่เรียนกับเพื่อนภาคเป็นการดี เพราะเวลาเรียนเรียนแลปมักจะทำเป็นคู่ หรือเป็น กลุ่ม การที่เราทำแลปกับคนที่เรารู้จักมันเหมือนสบายใจนิดหน่อย ถ้าเราดรอปวิชาบรรยายแบบไม่ติด W เท่ากับเราไม่ได้ลงวิชานั้นเลย แลปจะหลุดตามไปด้วย ดังนั้นถ้าจะดรอปบรรยายแต่จะเรียนแลปต่อ ต้องดรอปติด W นะคะ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สามารถแยกย่อยๆคร่าวๆได้ดังนี้
1. ดรอปเพื่อเปลี่ยนอาจารย์ หรือเปลี่ยนวิชาเรียน
บางครั้งถ้าเราได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอาจารย์แล้วเกรดลอยมา ก็อย่าไปท้าทายเขาเลย ดรอปหนีแล้วเปลี่ยนอาจารย์เถอะ หรือเวลาเรียนไม่ดี ก็เปลี่ยนเวลาเรียนได้ (ทำให้ช่วงที่ปลดล็อคเซคเรียน) ถ้าเซคนั้นว่าง แต่ต้องรีบทำภายในสัปดาห์แรกจะดีที่สุด เพราะบางรายวิชามีคะแนนเก็บ ถ้าทิ้งไว้นานการทำคะแนนจะยุ่ง อันนี้จะเป็นการดรอปที่ไม่ติด W
2. ดรอปเพราะรู้ว่าเรียนไม่ได้
บางวิชาต้องมีพื้นฐานมาก่อน เช่น การจะเรียน Physics ได้ต้องมีความรู้ทางคณิตศาสตร์มาก่อน ถ้าไม่มีหรือมีไม่เพียงพอก็ยากที่จะเรียนต่อไป
3. ดรอปเมื่อคะแนนกลางภาคออกแล้ว
การดรอปแบบนี้มี 2 แบบ คือ หนี F กับเก็บ A การพิจารณาว่าจะดรอปดีไหมคือ คะแนนกลางภาคของเรากับ Mean รวมของรายวิชานั้นๆ การตัดเกรดของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะอิงกลุ่ม ถ้าได้ประมาณ Mean คร่าวๆคือ C แต่ในที่นี้ต้องคิดเพื่อ Mean หลังดรอป ว่ามันจะขึ้นอีกเท่าไรด้วย ถ้าสู้ต่อจะได้เกรดประมาณไหน ต้องไฟต์มากเท่าไร ไหวไหม เสี่ยง F รึเปล่า ถ้าคะแนนห่างจากมีนมากแล้วเสี่ยง F การดรอปถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะ F ไม่คุ้มต่อใบ Transcript และเกรดรวมของเรา ถ้าเราติด F แล้วลงใหม่ เกรดที่เราได้ใหม่จะนำมาหารกับ F ง่ายๆคือ ถ้าลงใหม่ต่อให้ได้ A มา เกรดรวมมากสุดรวมแล้วก็คือ C ซึ่งการลงใหม่แล้วได้ A ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
ต่อชีวิต หรือ ฆ่าตัวเอง
เรื่องนี้มันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนมากกว่า ถ้าเราเกรดไม่ดีอยู่แล้ว แล้วถ้าสถานะการณ์เลวร้ายถึงขีดสุดคือ F มา จะเปอร์ไหม จะไทร์รึเปล่า การดรอปมันก็เหมือนพักไว้ก่อนเพื่อไปสู้ตัวอื่น หรือคะแนนไม่ดีถ้าจะสู้ต่อแล้ววิชาอื่นจะเป็นไง ไหวไหม สรุปคือการประเมินความสามารถของตัวเอง แต่ก็มีบางคนที่ดรอปตามเพื่อน ดรอปตามกระแส แล้วมาลงพร้อมเพื่อน อันนั้นถือว่าไม่ดี ถ้าลงใหม่เหมือนชดใช้กรรม คือเรียนหนักขึ้นในเทอมต่อๆไป หรือจะไปหนักในช่วง Summer แทน
สุดท้ายนี้การดรอปก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละคน เกรดก็คือเกรดของเราเอง อย่าให้คนอื่นมาตัดสินเกรดของเรา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น